ตำแหน่งงานที่ต้องการ :
ครูสอนวิชานาฏศิลป์ไทย
เงินเดือนที่ต้องการ :
15,000
สถานที่ต้องการทำงาน
ข้อมูลส่วนตัว
วัน/เดือน/ปีเกิด :
20-กรกฎาคม-2532
ที่อยู่ปัจจุบันที่ติดต่อได้สะดวก
ประวัติการศึกษา
ระดับการศึกษาสูงสุด :
ปริญญาตรี
สาขา :
ครุศาสตร์-ศึกษาศาสตร์
ประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
ระดับ |
ชื่อสถาบัน |
จังหวัด |
ประเทศ |
ปีการศึกษา |
วุฒิที่ได้รับ |
ความสามารถทางด้านภาษา
ความสามารถทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ( IT )
โปรแกรม |
|
1. โปรแกรมสำนักงาน (Word , Excel , Powerpoint , Access) |
|
2. โปรแกรม Multimedia (Cai , Flash , Autoware , etc. ) |
|
3. โปรแกรมตัดต่อ VDO , sound , Effect ( Premier , Ulead , Sound Forge , etc. ) |
|
4. โปรแกรมสร้างกราฟิก ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ ( photoshop , Illustrator , etc. ) |
|
5. โปรแกรมสร้างเว็บไซต์ ( Dreamweawer , Wordpress , CMS ต่างๆ หรืออื่นๆ ) |
|
6. การพัฒนาซอฟต์แวร์ |
6.1 Window based Application |
|
6.2 Web based Application |
|
6.3 Mobile Application |
|
7. ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ชำนาญ |
|
8. Database ที่ชำนาญ |
|
9. ระบบเครือข่าย ( ติดตั้ง-ซ่อมบำรุง ) |
9.1 Window |
|
9.2 Linux / Unix |
|
10. การซ่อมบำรุงเครื่องคอมพิวเตอร์ (เครื่องคอมพิวเตอร์ , ปรินท์เตอร์ , อื่นๆ ) |
|
ความสามารถทางด้านดนตรี
เครื่องดนตรี |
|
1. เครื่องดนตรีไทย (ระนาด , ขลุ่ย , ซอ , พิณ ฯลฯ ) |
|
2. เครื่องดนตรีสากล ( เปียโน , คีย์บอร์ด , กีตาร์ ฯลฯ ) |
|
ความสามารถทางด้านอื่นๆ
ความสามารถ :
งานประดิษฐ์,งานฝีมือ,คอมพิวเตอร์
เกียรติประวัติ - รางวัลต่างๆ
รางวัล |
จากสถาบัน |
ปี พ.ศ.ที่ได้รับ |
การแข่งขันนาฏศิลป์ไทยอนุรักษ์ - รำวงมาตรฐาน |
โรงเรียนปิยวัฒนศาสตร์ |
2556 |
การแข่งขันนาฏศิลป์ไทยอนุรักษ์ - รำวงมาตรฐาน |
โรงเรียนปิยวัฒนศาสตร์ |
2557 |
การแข่งขันนาฏศิลป์ไทยอนุรักษ์ - นาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์,รำวงมาตรฐาน |
โรงเรียนปิยวัฒนศาสตร์ |
2558 |
การแข่งขันนาฏศิลป์ไทยอนุรักษ์ - นาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์,รำวงมาตรฐาน |
โรงเรียนวัดอัยยิการาม |
2558 |
ประวัติการทำงาน
ประสบการณ์การทำงาน :
xxxx ปี
1 )
ชื่อสถานประกอบการ 1 :
xxxx
ตำแหน่ง 1 :
ครูสอนนาฏศิลป์ไทย
เงินเดือนสุดท้าย 1 :
15800
สาเหตุที่ลาออก 1 :
ย้ายที่อยู่อาศัย
2 )
ชื่อสถานประกอบการ 2 :
xxxx
เงินเดือนสุดท้าย 2 :
15800
การฝึกอบรม
หัวข้อ |
สถาบัน |
ระยะเวลา |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
บุคคลผู้รับรอง ( อ้างอิงได้ )
ลำดับ |
ชื่อ |
นามสกุล |
ความสัมพันธ์ |
สถานที่ติดต่อ |
เบอร์โทรศัพท์ |
1 |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
2 |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
3 |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
แสดงความรู้ ความเข้าใจ และทัศนะของท่าน
1)ทัศนคติต่อการศึกษาไทย :
ถ้าเรามองการเรียนการสอนจากอดีตก่อนที่จะมีระบบโรงเรียน สมัยก่อนนั้นพ่อแม่จะเป็น "ครู" ผู้สั่งสอนลูก โดยมุ่งสอนให้นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริง พ่อแม่มีอาชีพอย่างไรก็มักสั่งสอนอาชีพนั้นแก่ลูกของตนเอง เช่น พ่อแม่มีอาชีพเกษตรกรก็สอนอาชีพนั้นแก่ลูกๆ เพื่อที่ลูกๆจะได้มีทักษะอาชีพติดตัวไปทำมาหากินในอนาคต ในการสอนอาชีพก็คอยแนะนำทักษะต่างๆให้กับลูกโดยใกล้ชิด ส่วนลูกก็ได้ลงมือปฏิบัติงานจริง ภายใต้สภาพแวดล้อมจริงที่เอื้อต่อการเรียนรู้ และเมื่อมีปัญหาก็จะให้คำแนะนำกับลูกเป็นรายบุคคล หรือนำลูกไปฝากไว้ที่วัดหรือสำนักต่างๆ ซึ่งนอกจากจะได้เรียนสรรพวิชาต่างๆแล้วก็ยังมีการปลูกฝังคุณธรรมไปในตัวด้วย
2)ทัศนคติของท่านต่อสภาพสังคมไทยในปัจจุบัน :
กระบวนการเรียนรู้/การกล่อมเกลาทางสังคม ซึ่งรวมทั้งการเลี้ยงดูเด็ก ทัศนคติของคน ชุมชน การศึกษา สื่อมวลชนและการเรียนรู้จากสภาพแวดล้อมของทั้งชุมชนและประเทศไทย เป็นตัวปัญหา เพราะมักเน้นแนว คิดแบบจารีตนิยม อุปถัมภ์นิยมและอำนาจนิยม มีทัศนคติแบบยอมจำนน เชื่อในเรื่องบุญบารมี วาสนาว่าถูกกำหนดมาแล้วอย่างตายตัว หรือเปลี่ยนแปลงได้ยาก ทำให้คนไทยส่วนใหญ่มักจะยอมรับสังคมแบบอำนาจนิยมและอุปถัมภ์นิยมที่มีการจัด ฐานะทางชนชั้น/กลุ่มทางสังคมที่แตกต่างกันมากและเป็นตัวปัญหา ประชาชนไม่ได้เรียนรู้ว่าแท้จริงแล้วพวกเขาเป็นพลเมืองผู้เสียภาษี และเป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติสาธารณะของประเทศร่วมกัน และพลเมืองมีสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาคในด้านต่าง ๆ ไม่ควรมีใครมีอภิสิทธิ์เหนือใคร
การศึกษาสมัยใหม่จากโลกตะวันตกซึ่งรวมความคิดเสรีนิยม/เสรี ประชาธิปไตยด้วยเข้ามาในประเทศไทยนานพอสมควร แต่ชนชั้นนำนำเข้ามาเพียงรูปแบบอย่างฉาบฉวย ไม่ได้ศึกษาด้านเนื้อหาแบบวิพากษ์วัฒนธรรมเก่าที่ล้าหลังอย่างจริงจัง แนวคิดและความรู้สมัยใหม่แบบเสรีนิยมยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลง หล่อหลอมทัศนคติ ค่านิยม พฤติกรรมให้คนไทยเป็นเสรีประชาธิปไตยได้มากนัก เพราะส่วนหนึ่งเราจัดการศึกษาและวัดผลแบบท่องจำ มากกว่าจะฝึกหรือส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักคิดวิเคราะห์สังเคราะห์ ประยุกต์ใช้เป็นต้องเปลี่ยนวิธีคิด วิธีเรียนรู้ใหม่ ที่ก้าวหน้าขึ้นคน ที่มีโอกาสเรียนในระดับที่สูงขึ้น เช่นจบมัธยม อาชีวศึกษาหรือมหาวิทยาลัย น่าจะมีโอกาสเรียนรู้และมีแนวคิดทัศนคติไปทางเสรีประชาธิปไตยหรือสังคม ธรรมาธิปไตยได้มากกว่าคนที่ไม่มีโอกาสได้เรียน แต่ไม่ได้เป็นไปเช่นนั้นเสมอไป เพราะการจัดการศึกษาของประเทศไทย เป็นแบบใช้อำนาจสิทธิขาดของครูอาจารย์ ซึ่งยึดตามตำราและการออกข้อสอบแบบท่องจำ เน้น วิชาความรู้พื้นฐาน เช่นภาษา สังคมศาสตร์ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และความรู้ทางวิชาชีพ ไม่ได้สอนแบบให้สิทธิเสรีภาพ ช่วยให้คนรู้จักตนเอง เป็นตัวของตัวเอง ภูมิใจในตนเอง คิดวิเคราะห์สังเคราะห์เป็น ตระหนักว่าคนเรามีหรือควรมีสิทธิเสมอภาค เสรีภาพเสมอกัน
3)กัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการกับการศึกษา :
ในฐานะที่เป็นกระบวนการสอน โยนิโสมนสิการเป็นกระบวนการคิด เป็นวิธีการที่ให้บุคคลมีหลักการและวิธีการคิดที่ก่อให้เกิดประโยชน์ เพื่อให้ง่ายต่อการนำไปใช้ในกระบวนการสอน ขอใช้ในความหมายง่าย ๆ ว่า โยนิโสมนสิการ คือ กระบวนการคิดหาเหตุ หรือกระบวนการพิจารณาหาเหตุ
เหตุ คือ อะไร เหตุ คือ เงื่อนไขจำเป็นที่ทำให้เกิดสิ่งหนึ่งตามมา สิ่งที่ตามมาเรียกว่า ผล เหตุและผลมีความสัมพันธ์โยงถึงกัน ดังนั้น ถ้ารู้เหตุ ก็สามารถรู้ผลได้ หรือรู้ผลก็โยงไปหาเหตุได้ แต่ในการค้นหาเหตุได้ ต้องมีพื้นฐานความรู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น ถ้ามีความรู้มาก ก็มีโอกาสตรึกตรองถึงความสัมพันธ์ของเหตุและผลได้ลึกและละเอียดมากตามไปด้วย ดังนั้น ก่อนการพิจารณาเหตุและผล จึงต้องมีความรู้ หลักการ กฎเกณฑ์ ที่ตรงกับความเป็นจริงเป็นเบื้องแรก
ความรู้ที่เป็นพื้นฐานความรู้นั้นมาจากไหน คำตอบ คือ ความรู้เหล่านั้นมาจากการรับรู้จากภายนอก หรือ ปรโตโฆษะ หรือ สิ่งเร้า หรือ ประสบการณ์ หรือ จากการเรียนรู้ ซึ่งเริ่มต้นจากมีผู้แนะนำ ชี้ทาง ในสิ่งที่ถูก หรือ กัลยาณมิตร เป็นผู้ที่หวังดีที่จะให้เกิดการพัฒนาไปในทางที่ดี ด้วยเหตุที่คุณลักษณะของกัลยาณมิตรประกอบด้วย
ปิโย มีความน่ารัก ความน่ารักเป็นฐานที่ทำให้เกิดความสบายใจและสร้างความสนิทใจ ชวนให้อยากเข้าไปใกล้ชิด การทำตนให้เป็นที่น่ารักนั้นมีหลักธรรมอื่นมาเสริมอีกหลายข้อ เช่น สังคหวัตถุ ธรรมทำให้งาม พรหมวิหาร
ครุ มีความน่าเคารพ มีความไว้วางใจ จากฐานความประพฤติที่สมควรตามสถานภาพ เป็นเหตุก่อให้เกิดความไว้วางใจ เป็นที่พึ่งได้และมีความปลอดภัย
ภาวนีโย เป็นผู้ปฏิบัติได้จริง ทั้งในด้านความคิด ความรู้และการปฏิบัติ พัฒนาและปรับปรุงตนอย่างสม่ำเสมอ เมื่อผู้ใดได้อยู่ใกล้ชิดก็ได้ประโยชน์ ระลึกถึงด้วยความซาบซึ้งและภูมิใจ
วัตตา จ รู้จักพูดให้เกิดประโยชน์นำไปสู่ผลที่ต้องการ ให้คำปรึกษาที่ดี แนะนำ ตักเตือน ชี้แจง ชี้ประเด็นให้เกิดความรู้ ความเข้าใจได้ง่าย
วจนกฺขโม อดทนต่อถ้อยคำ หรือพร้อมรับฟังถ้อยคำด้วยความอดทน ไม่หงุดหงิดฉุนเฉียว ฟังได้ไม่เบื่อ ทั้งในข้อปรึกษา วิพากษ์ วิจารณ์ ข้อเสนอ หรืออื่น ๆ
คัมภีรญฺจ กถํ กตฺตา รู้จริง แถลงเรื่องลึกล้ำได้ ถ่ายทอดเรื่องที่ยุ่งยากซับซ้อนให้เข้าใจได้ง่าย และเรียนรู้เรื่องที่ลึกซึ้งได้
โน จฏฺฐาเน นิโยชเย ไม่แนะนำชักจูงไปในทางที่เสื่อมเสีย แนะนำแต่ทางที่ดีมีประโยชน์
กัลยาณมิตรเป็นปัจจัยสำคัญในการก่อให้ผู้เรียนมีความรู้ วิธีคิด และการปฏิบัติที่ถูก เป็นพื้นฐานของการเกิดสัมมาทิฏฐิ คือ หลักการ กฎเกณฑ์ ทฤษฎี กับสัมมาสังกับปะ คือ ความคิดรวบยอดที่ถูก หรือมโนทัศน์ มโนมติ (ปัจจุบันอาจใช้คำว่าความคิดใหญ่ big ideas) แล้วแต่จะเรียกตามข้อกำหนดของสำนักการศึกษา เนื่องจากความรู้เกี่ยวกับหลักการ กฎเกณฑ์ และความคิดรวบยอดเหล่านี้จะนำไปใช้ในการตรึกตรองในกระบวนการคิดพิจารณาความสัมพันธ์ของเหตุและผลในโยนิโสมนสิการ
เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ จะขอเสนอในรูปแผนภาพ แล้วอธิบายความสัมพันธ์ของกระบวนการคิดแบบโยนิโสมนสิการตามลำดับขั้นตอนของแผนภาพนั้น