ตำแหน่งงานที่ต้องการ :
ครูผู้ช่วย
เงินเดือนที่ต้องการ :
22,000
สถานที่ต้องการทำงาน
ข้อมูลส่วนตัว
วัน/เดือน/ปีเกิด :
08-พฤศจิกายน-2538
ที่อยู่ปัจจุบันที่ติดต่อได้สะดวก
ประวัติการศึกษา
ระดับการศึกษาสูงสุด :
ปริญญาตรี
วิชาเอก :
การแพทย์แผนไทยประยุกต์
ประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
ระดับ |
ชื่อสถาบัน |
จังหวัด |
ประเทศ |
ปีการศึกษา |
วุฒิที่ได้รับ |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
ความสามารถทางด้านภาษา
ความสามารถทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ( IT )
โปรแกรม |
|
1. โปรแกรมสำนักงาน (Word , Excel , Powerpoint , Access) |
|
2. โปรแกรม Multimedia (Cai , Flash , Autoware , etc. ) |
|
3. โปรแกรมตัดต่อ VDO , sound , Effect ( Premier , Ulead , Sound Forge , etc. ) |
|
4. โปรแกรมสร้างกราฟิก ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ ( photoshop , Illustrator , etc. ) |
|
5. โปรแกรมสร้างเว็บไซต์ ( Dreamweawer , Wordpress , CMS ต่างๆ หรืออื่นๆ ) |
|
6. การพัฒนาซอฟต์แวร์ |
6.1 Window based Application |
|
6.2 Web based Application |
|
6.3 Mobile Application |
|
7. ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ชำนาญ |
|
8. Database ที่ชำนาญ |
|
9. ระบบเครือข่าย ( ติดตั้ง-ซ่อมบำรุง ) |
9.1 Window |
|
9.2 Linux / Unix |
|
10. การซ่อมบำรุงเครื่องคอมพิวเตอร์ (เครื่องคอมพิวเตอร์ , ปรินท์เตอร์ , อื่นๆ ) |
|
ความสามารถทางด้านดนตรี
เครื่องดนตรี |
|
1. เครื่องดนตรีไทย (ระนาด , ขลุ่ย , ซอ , พิณ ฯลฯ ) |
|
2. เครื่องดนตรีสากล ( เปียโน , คีย์บอร์ด , กีตาร์ ฯลฯ ) |
|
ความสามารถทางด้านอื่นๆ
ความสามารถ :
empathy skill
consulting skill
critical thinking skill
teamwork skill
coordination skill
เกียรติประวัติ - รางวัลต่างๆ
รางวัล |
จากสถาบัน |
ปี พ.ศ.ที่ได้รับ |
รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง กิจกรรมคัดลามือภาษาไทยตัวบรรจงเต็มบรรทัดและครึ่งบรรทัด |
โรงเรียนชลราษฎรอำรุง |
2554 |
ได้รับเชิดชูเกียรติ "คนดีศรีส้มฟ้า" ประเภทผลการเรียนดี |
โรงเรียนชลราษฎรอำรุง |
2555, 2556 และ 2557 |
ชนะเลิศการประกวดเก้าอี้ประดิษฐ์จากเศษวัสดุเหลือใช้ |
โรงเรียนชลราษฎรอำรุง |
2555 |
|
|
|
ประวัติการทำงาน
ประสบการณ์การทำงาน :
xxxx ปี
1 )
ชื่อสถานประกอบการ 1 :
xxxx
ตำแหน่ง 1 :
Freelance Tutor
เงินเดือนสุดท้าย 1 :
900 บาท/3 ชั่วโมง
สาเหตุที่ลาออก 1 :
จบบทเรียน
2 )
ชื่อสถานประกอบการ 2 :
xxxx
เงินเดือนสุดท้าย 2 :
20000
สาเหตุที่ลาออก 2 :
ไม่สะดวกการเดินทาง
3 )
ชื่อสถานประกอบการ 3 :
xxxx
ตำแหน่ง 3 :
ผู้ช่วยติวเตอร์
เงินเดือนสุดท้าย 3 :
10000
สาเหตุที่ลาออก 3 :
หยุดพักกิจการจากปัญหาการระบาดของโรคโควิด19
4 )
ชื่อสถานประกอบการ 4 :
xxxx
ตำแหน่ง 4 :
Freelance content writer & Coordinator
เงินเดือนสุดท้าย 4 :
ตามตกลงจากงบประมาณแต่ละ project
สาเหตุที่ลาออก 4 :
จบ project
การฝึกอบรม
หัวข้อ |
สถาบัน |
ระยะเวลา |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
บุคคลผู้รับรอง ( อ้างอิงได้ )
ลำดับ |
ชื่อ |
นามสกุล |
ความสัมพันธ์ |
สถานที่ติดต่อ |
เบอร์โทรศัพท์ |
1 |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
2 |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
3 |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
แสดงความรู้ ความเข้าใจ และทัศนะของท่าน
1)ทัศนคติต่อการศึกษาไทย :
การศึกษาไทยพัฒนาได้ช้า เนื่องด้วยนโยบายการศึกษาไม่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของเด็กนักเรียน นักศึกษาในปัจจุบัน รวมถึงกฎระเบียบที่สร้างขึ้นเพื่อให้เด็กอยู่ในกรอบเพื่อให้ง่ายต่อการควบคุม แต่ไม่สามารถอธิบายที่มาของกฎได้ว่า กฎแต่ละข้อมีไว้เพื่ออะไร ที่สำคัญ คือ หลักสูตรการศึกษาที่เน้นการท่องจำเป็นหลัก เด็กไม่สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต หรือค้นหาตัวตนของตัวเองได้นอกเหนือจากการเรียนในหลักสูตรที่กำหนด และที่มากไปกว่านั้น คือการตัดสินเด็กว่าเก่งไม่เก่งจากคะแนนสอบของหลักสูตร จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใจเลยว่า ทำไมมีเด็กหลายคนเลือกที่จะไม่เรียนต่อ และหันไปสิ่งอื่นที่สนใจทำมากกว่า การจัดหลักสูตรเช่นนี้จึงไม่เหมาะกับการศึกษาอีกต่อไป จริงอยู่ว่ามีหลายโรงเรียนที่พยายามสร้างนโยบายให้เด็กเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ แต่ก็ต้องยอมรับว่า โรงเรียนนั้นเป็นโรงเรียนเอกชลเป็นส่วนใหญ่และต้องเป็นเด็กที่ครอบครัวมีฐานะมากพอที่จ่ายเพื่อการศึกษาเช่นนี้ได้
การศึกษาไทยมีจุดแข็งที่สามารถพัฒนาเด็กเก่งให้ไปไกลได้เป็นอย่างดี แต่มีเพียงส่วนน้อยที่จะเป็นเช่นนั้น แล้วเด็กที่เหลือก็ไม่ได้ความใส่ใจเท่าที่ควร การศึกษาไทยมีการเลื่อมล้ำสูงมาก จึงเป็นเรื่องยากที่จะให้ทุกคนยอมรับว่าทุกโรงเรียนมีคุณภาพเท่าเทียมกัน
2)ทัศนคติของท่านต่อสภาพสังคมไทยในปัจจุบัน :
สภาพสังคมไทยในปัจจุบัน มีความเลื่อมล้ำทางสังคมอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งมีผลต่อความเป็นอยู่ การใช้ชีวิต และทัศนคติของคนคนหนึ่งได้ ด้วยสาเหตุนี้มีผลต่อการศึกษาด้วยเช่นกัน เพราะการศึกษาย่อมมีค่าใช้จ่าย หากยิ่งต้องการตัวเลือกที่ดี ก็ต้องยอมจ่ายเงินจำนวนมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ในโรงเรียนเดียวกัน หากพ่อแม่อยากให้ลูกเรียน 2 ภาษา ก็ต้องยอมจ่ายค่าเทอมเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วการที่ผู้ปกครองยอมเสียเงินแพงๆ ไม่ใช่เพราะอยากให้ลูกเรียนหนังสือเก่งๆ (ตามเนื้อหาบทเรียนตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ) แต่เขายอมเสียเพื่อสร้างสังคมให้กับลูกมากกว่า เพียงตัวอย่างเดียวก็เห็นได้ชัดว่า เด็ก 2 คนอยู่ในโรงเรียนเดียวกันก็จริง แต่ได้รับการถึงการศึกษาที่แตกต่างกัน ซึ่งรวมถึงสภาพแวดล้อมในห้องเรียนนั้นๆ ด้วย
ดิฉันโตมากับโรงเรียนที่แบ่งนักเรียนตามคะแนนสอบเข้า ซึ่งการเรียนการสอนก็แตกต่างกันด้วย ยิ่งได้อยู่ห้องดีๆ ก็จะได้รับการศึกษาเพิ่มเติมมากกว่าเด็กห้องอื่นๆ รวมถึงการได้รับความเอ็นดูจากอาจารย์ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันสังคมเปิดกว้างมากขึ้น ทำให้เด็กๆ หลายคนสามารถระบาย หรือพูดถึงการศึกษาได้มากขึ้น ทำให้ผู้ที่เกี่วข้องเห็นถึงปัญหาได้ง่ายขึ้นด้วย ซึ่งก็มีบางโรงเรียนพยายามปรับระบบ รวมถึงกฎระเบียบต่างๆ ให้สอดคล้องไปกับไลฟ์สไตล์ของเด็กยุคใหม่ ก็นับว่าเป็นการนำร่องการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี
จากที่กล่าวมาข้างต้น ถึงแม้ว่าจะดูมีทัศคติต่อสังคมไปในทางด้านลบ แต่ดิฉันกลับคิดว่า ดิฉันกำลังพูดถึงความเป็นจริงของสังคมมากกว่า และการยอมรับกับความเป็นจริงก็เป็นทักษะหนึ่งที่จะช่วยให้เราก้าวข้ามปัญหาไปได้ เพราะถ้าหากเราไม่กล้าแม้แต่จะพูดถึงปัญหา เราก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขอะไรได้เลย และต้องจมอยุ่กับปัญหาเหล่านั้นต่อไป
3)กัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการกับการศึกษา :
ในอดีต ครู/อาจารย์ เป็นที่อาชีพที่มีเกียรติมาก แต่ในปัจจุบันที่สังคมเคลื่อนที่ด้วยสื่อโซเชียล มีข่าวออกมามากมายถึงการกระทำของครูอาจารย์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น เช่น ข่มขืน ทำร้ายร่างกาย หรือแม้แต่คุกคามทางเพศ นับเป็นเรื่องที่น่าเศร้าของระบบการศึกษาไทยในปัจจุบัน
ครู อาจารย์ ควรเป็นดั่งกัลยาณมิตรที่มีโยนิโสมนสิการในการสอน คือ เด็กควรเข้าถึงได้ง่าย รู้สึกปลอดภัย ไว้วางใจกันได้ สอนในสิ่งที่ถูกต้องและเป็นความจริง ซึ่งในปัจจุบัน ครู อาจารย์ถูกกดเงินเดือน ยิ่งเป็นโรงเรียนในพื้นที่เข้าถึงได้ยาก ก็ยิ่งลำบาก สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่เพียงพอต่อความต้องการ หรือถ้ามีก็ทรุดโทรมเกินกว่าจะรับได้ จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ แต่ก็เป็นที่น่าตกใจที่ครูสมัยนี้ส่วนใหญ่ไม่สามารถเป็นครูในอุดมคติได้ ต่างก็ต้องหาอาชีพเสริมเพื่อหล่อเลี้ยงตนเองและครอบครัวโดยเฉพาะสอนพิเศษ จะเห็นได้เลยว่า คุณภาพในการสอนในห้องเรียนลดลงมาก เพื่อเสนอให้นักเรียนไปเรียนเสริมกับตน เพื่อหารายได้เสริม ซึ่งปัญหานี้ก็ไม่ได้รับการแก้ไข และที่น่าเศร้ากว่านั้น คือ คำว่า ครู พูดอะไร สอนอะไร คือ ต้องถูกทุกอย่าง ขอโทษไม่ได้แม้ตนเองจะทำผิด และกลายเป็นว่า เด็กคนไหนที่กล้าพูดความจริงจะโดนคาดโทษ และมองว่าเป็นเด็กไม่ดีทันที
ปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น ถือเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน การศึกษาที่ดี ไม่ใช่เพียงมีหลักสูตรที่ดี มีสิ่งเอื้ออำนวยความสะดวกสบายต่อการศึกษาเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดอีกอย่าง คือ ครู ที่พร้อมจะสอนจริงๆ ด้วย